ครีมกันแดดทาหน้า ป้องกันผิวแก่ก่อนวัย จริงไหม?

ผิวหน้าเริ่มมีริ้วรอย เหี่ยวย่น ดูแก่ก่อนวัย เกิดจากอะไรบ้าง? ครีมกันแดดทาหน้าป้องกันผิวแก่ก่อนวัยได้จริงไหม? แล้วต้องเลือกครีมกันแดดแบบไหนถึงจะป้องกันผิวได้สูงสูด

 

ในบทความนี้ แอดมินจะมาพูดถึงสาเหตุของการมีผิวแก่ก่อนวัย วิธีเลือกครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันผิวได้สูงสุด และครีมกันแดดที่ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี โดยไม่ทำร้ายผิวในระยะยาว ใครที่กำลังมีปัญหาริ้วรอย ผิวแก่ก่อนวัย ในบทความนี้มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาให้คำตอบแล้วค่ะ

ผิวหน้าของเราเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นอยู่แล้วค่ะ แต่ผิวเริ่มมีร่องรอยของความเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย เป็นเพราะสภาพแวดล้อม พฤติกรรม หรือว่าการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล 

 

เพราะจากงานวิจัยและผลการทดสอบการเปรียบเทียบระหว่างฝาแฝด 1 คู่ คนแรกให้ตากแดดเกิน 10 ชั่วโมงต่อ 1 วัน คนที่สอง ไม่ให้โดนแดด ผ่านไปหลายปี พบว่าคนแรกอายุผิวแก่กว่าคนที่สองเกือบ 12 ปีเลย เพราะฉะนั้น ครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันผิวแก่ก่อนวัย จึงถือว่าเป็นสกินแคร์ที่มีความสำคัญมาก ๆ

 

ว่าแต่ ควรเลือกครีมกันแดดทาหน้าแบบไหน จึงจะช่วยป้องกันผิวแก่ก่อนวัยได้สูงสุด?

 

วิธีเลือกกันแดด ป้องกันผิวแก่ก่อนวัย 

1. ครีมกันแดดที่ปกป้องผิวได้ทั้ง UVA1, UVA2, และ UVB

 

รังสี UVA เป็นรังสีที่ส่งผลทำให้ผิวเราสูญเสียคอลาเจน เสียความชุ่มชื้น และทำให้ผิวหมองคล้ำ เหี่ยวย่น ส่วนรังสี UVB จะส่งผลถึงชั้นหนังกำพร้า อาจทำให้เราผิวคล้ำเสีย หรือทำให้มีปัญหา ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ เพราะฉะนั้น หากไม่อยากผิวหน้าแก่ก่อนวัย ควรเลือกครีมกันแดดที่ปกป้องผิวของเราได้ทั้งรังสี UVA และ UVB เลยนะคะ

2. ครีมกันแดดที่ช่วยป้องกัน Blue light

 

แสงสีฟ้า (Blue light) จากคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์มือถือ และจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ เป็นแสงที่สามารถเข้าทำลายชั้นผิวได้ลึกกว่ารังสี UVA และ UVB!! ซึ่งแสงสีฟ้าจะเข้ามาทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วจนผิวหย่อนคล้อย ดูแก่ก่อนวัย และกระตุ้นการเกิดเม็ดสีเมลานินที่ส่งผลทำให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ เพราะฉะนั้น ครีมกันแดดที่ปกป้องผิวจากแสงสีฝ้า จึงมีส่วนช่วยลดปัญหาผิวแก่ก่อนวัยนั่นเองค่ะ

3. ช่วยป้องกันรังสีอินฟาเรด (Infrared)

 

รังสีอินฟาเรด เป็นรังสีความร้อนที่แบ่งตามความยาวคลื่นได้ 3 ช่วง คือ IR-A, IR-B และ IR-C ซึ่ง IR-A จะเป็นรังสีที่เป็นอันตรายต่อผิวมากสุด และสามารถผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ลึกมากกว่า UVA .. หากผิวของเรารับรังสีนี้เป็นเวลานานจะส่งผลทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ปริมาณคอลลาเจนในผิวลดลง ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น และทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น .. จึงควรเลือกกันแดดที่มีส่วนปกป้องผิวจากรังสีอินฟาเรดได้นั่นเอง

4. มี Pollustop ปกป้องผิวจากมลภาวะ ฝุ่น Pm2.5

 

ฝุ่น Pm 2.5 นอกจากจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจแล้ว ยังส่งผลต่อผิวของเราด้วยนะคะ เพราะ Pm 2.5 มีผลทำให้ผิวของเรามีปัญหาผื่นคัน ผื่นแพ้ ผิวหน้าเหี่ยว และเกิดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มมากยิ่งขึ้น Pollustop ในครีมกันแดดทาหน้า จึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิว ที่ช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะ ฝุ่น Pm 2.5 และช่วยป้องกันปัญหาการเกิดริ้วรอยก่อนวัยนั่นเองค่ะ

5. มีส่วนผสมของ Vitamin E สารต่อต้านอนุมูลอิสระ

 

ส่วนผสมของ Vitamin E ใครครีมกันแดด อาจจะไม่ได้ช่วยตัวช่วยหลัก ในการป้องกันผิวจากแสงแดด แต่ Vitamin E เป็นตัวช่วยเสริมให้การปกป้องผิวของครีมกันแดดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวไม่แห้งเป็นขุย ๆ ด้วยนะคะ

 

เพราะแสงแดด แสงยูวี สภาพแวดล้อม มีผลทำให้เรามีปัญหาผิว และมีผิวแก่ก่อนวัย เราจึงจำเป็นต้องเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันผิวได้เป็นอย่างดี ปกป้องผิวได้ครบ และไม่ทำร้ายผิวของเราเมื่อใช้ในระยะยาว อย่าง ครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen 100%

 

ครีมกันแดด BK Sensi Perfect Protection Sunscreen SPF50+ PA++++ .. ครีมกันแดดทาหน้า นวัตกรรม Sunsmart FilmCoat Technology นวัตกรรมปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UV จากประเทศญี่ปุ่น ที่ออกแบบมาเพื่อผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ .. Physical Sunscreen 100%

 

ครีมกันแดดประเภทนี้ จะเป็นเหมือนเกราะป้องกันผิว ช่วยป้องกันรังสี UV โดยการสะท้อนรังสี จึงเป็นครีมกันแดดที่มีความอ่อนโยน มีความปลอดภัยสูง ใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้ผิวที่บอบบางแพ้ง่าย แล้วก็ไม่ทำร้ายผิวของเราเมื่อใช้ระยะยาว เนื่องจากเป็นครีมกันแดดทาหน้าที่ปราศจากสารเคมี 100%

 

นอกจากนั้น ครีมกันแดด bk เป็นครีมกันแดดทาหน้าที่ช่วยปกป้องผิวได้ครบ ทั้งจาก UVA1, UVA2, และ UVB / Blue light / รังสี IR และมี Pollustop ปกป้องผิวจาก Pm2.5 จึงเป็นสกินแคร์ตัวสำคัญที่ช่วยป้องกันผิวแก่ก่อนวัย และใช้ผิวที่ดูสุขภาพดี สดใส แข็งแรงมากยิ่งขึ้น